The New Generation Of Collagen Biostimulator กุญแจช่วยให้ผิวยกกระชับดูอ่อนกว่าวัย
เลือกอ่านตามหัวข้อ
Collagen Biostimulator คืออะไร ทำงานอย่างไรCollagen Biostimulator ต่างจากไหมน้ำอย่างไรแต่ก่อนเคยฉีดแต่ฟิลเลอร์เติมเต็ม Collagen Biostimulator vs HA filler ต่างกันอย่างไรCollagen Biostimulator vs ตระกูลเครื่องยกกระชับ ต่างกันอย่างไร ทำอะไรดีกว่ากันมียี่ห้อไหนบ้าง ต่างกันอย่างไร เลือกอะไรดีCollagen Biostimulator ทำพร้อม Botox / Filler ได้หรือไม่ INTERNATIONAL แนะนำNew Generation Of Collagen Biostimulator คืออะไรCollagen Biostimulator เหมาะกับใครCollagen Biostimulator ฉีดตรงไหนได้บ้าง แก้ไขปัญหาเรื่องอะไรCollagen Biostimulator ต้องฉีดบ่อยแค่ไหน อยู่ได้นานหรือไม่ใต้ตา ร่องแก้ม เติมฟิลเลอร์แล้วมักเป็นก้อน เปลี่ยนมาใช้ Collagen Biostimulator ดีกว่าไหม การดูแลหลังฉีด Collagen Biostimulatorสรุป
เป็นที่รู้กันดีว่า เมื่ออายุเพิ่มมากขึ้น สิ่งหนึ่งที่สังเกตได้ชัด คือผิวหน้าเริ่มมีริ้วรอย ไม่เต่งตึงเหมือนตอนเด็ก หากขาดการดูแลเป็นเวลานานก็จะเห็นเป็นริ้วรอยร่องลึก ผิวหย่อนคล้อยไม่กระชับ ใบหน้าหมองคล้ำ
สาเหตุมาจากความสามารถในการผลิตคอลลาเจนลดน้อยลงบทความนี้จะพาทุกคนมาทำความรู้จักกับ Collagen Biostimulator ที่ใช้ในการฉีดกระตุ้นคอลลาเจน เป็นหนึ่งในนวัตกรรมการดูแลผิวที่กำลังได้รับความนิยมอย่างมากในเวลานี้
Collagen Biostimulator คืออะไร ทำงานอย่างไร
Collagen Biostimulator คือ สารกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ในร่างกายของตัวเองตามธรรมชาติให้เพิ่มมากขึ้น เพื่อทดแทนคอลลาเจนที่สูญเสียไปตามอายุ
หลักการทำงานคือ Collagen Biostimulator จะเข้าไปกระตุ้นและเติมเต็มกระบวนการสร้างคอลลาเจนใต้ชั้นผิว โดยทำการเรียกเซลล์เม็ดเลือดขาวที่ชื่อว่า แมคโครฟาจ มาช่วยทำหน้าที่ในการกักเซลล์ที่ผิดปกติ กำจัดเซลล์ที่ตายหรือได้รับความเสียหายจากมลภาวะ และอนุมูลอิสระ ซึ่งเมื่อการทำงานเกิดขึ้นสารสำคัญใน Collagen Biostimulator จะช่วยยับยั้งการเกิดริ้วรอยก่อนวัย พร้อมคืนความอ่อนเยาว์
Collagen Biostimulator ต่างจากไหมน้ำอย่างไร
ต้องทำความเข้าใจก่อนว่า Collagen Biostimulator มีหลายตัวขึ้นอยู่กับเทคโนโลยีการผลิตและการคิดค้น แต่ไหมน้ำ เป็นสารกลุ่ม Biodegradable Polymer เมื่อฉีดเข้าไปใต้ผิวชั้นในแล้ว เหมือนมีบาดแผลเล็กๆ ในเนื้อเยื่อ ทำให้เกิดกระบวนการกระตุ้นปฏิกิริยาอักเสบของร่างกาย ซึ่งจะแตกต่างกันตรงการตอบสนองกับสารที่ฉีดเข้าไป ถ้ามีขนาดและรูปทรงต่างกัน ความสามารถในการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในร่างกายก็ต่างกัน รวมถึงระยะเวลาที่สารนั้นคงอยู่ในร่างกาย กลไกการทำงานของสาร และผลข้างเคียงก็ต่างกันด้วย เพราะฉะนั้นต้องเลือกให้ดีว่าสารตัวไหนเหมาะกับสุขภาพ และความต้องการของเรา
แต่ก่อนเคยฉีดแต่ฟิลเลอร์เติมเต็ม Collagen Biostimulator vs HA filler ต่างกันอย่างไร
Hyaluronic Acid หรือ HA (Filler) เป็นสารสังเคราะห์ที่ผลิตขึ้นมาเพื่อเลียนแบบสาร Hyaluronic Acid ที่มีตามธรรมชาติในร่างกาย จะช่วยในเรื่องเติมริ้วรอยร่องลึกตามจุดต่างๆ บนใบหน้า โดยผลลัพธ์อยู่ได้ยาวนานถึง 6- 24 เดือน ขึ้นอยู่กับชนิด และยี่ห้อของฟิลเลอร์ รวมถึงเทคนิคที่ใช้ฉีด แต่ Collagen Biostimulator คือสารกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ซึ่งทำหน้าที่ในการกระตุ้นการผลิตคอลลาเจนในร่างกายของตัวเองตามธรรมชาติเพิ่มให้มากขึ้น เพื่อทดแทนคอลลาเจนเดิมที่สูญเสียไปตามอายุ เป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการฟื้นฟูโครงสร้างผิวชั้นลึก ช่วยยกผิวกระชับ คืนความแข็งแรงและความยืดหยุ่น พร้อมฟื้นคืนสุขภาพของผิวให้กลับมาดีขึ้น โดยสารแต่ละตัวล้วนมีข้อดีที่แตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับความเหมาะสมของแต่ละบุคคล
Collagen Biostimulator vs ตระกูลเครื่องยกกระชับ ต่างกันอย่างไร ทำอะไรดีกว่ากัน
Collagen Biostimulator เป็นสารฉีดกระตุ้นให้เกิดการสร้างคอลลาเจนตามกระบวนการธรรมชาติ ช่วยคืนความอ่อนเยาว์ให้กับผิว โดยทำให้ผิวแน่นฟู ยกกระชับผิวหย่อนคล้อย ปรับปรุงคุณภาพผิวให้ดียิ่งขึ้น แต่ตระกูลเครื่องยกกระชับ เป็นเทคโนโลยีการยกกระชับผิว ทำงานโดยส่งผ่านคลื่นโฟกัสอัลตราซาวด์ลงไปในผิวชั้นลึก เพื่อกระตุ้นให้ร่างกายสร้างคอลลาเจนใหม่ เครื่องยกกระชับที่ดีต้องได้มาตรฐานผ่านการรับรอง มีการปล่อยความแรงของพลังงานอย่างสม่ำเสมอ ระหว่างยิงพลังงานคงที่ และสามารถเลือกใช้หัวยิงให้เหมาะกับระดับผิวได้ ทั้งนี้ไม่ว่าจะเป็นการฉีด หรือการใช้เครื่องยกกระชับ ก็จะอยู่กับความต้องการของแต่ละบุคคล
มียี่ห้อไหนบ้าง ต่างกันอย่างไร เลือกอะไรดี
เรียกได้ว่ากำลังมาแรงสุด ๆ กับตัวช่วยหน้าเด็กที่หลายคนกำลังสนใจ กับ Collagen Biostimulator สารช่วยกระตุ้นคอลลาเจนแบบล้ำลึก แล้วต้องเลือกยี่ห้อไหนดี แต่ละยี่ห้อต่างกันอย่างไร คุณหมอจาก THE NEW CLINIC INTERNATIONAL เลือกมาให้แล้ว รับรองความสวยแน่นอน
- Sculptra
อนุภาคของสาร Poly-L-Lactic acid หรือที่เรียกสั้น ๆ ว่า PLLA ซึ่งเป็นสารกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนตามธรรมชาติตัวแรกของโลก มีคุณสมบัติในการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในชั้นผิว ทดแทนคอลลาเจนที่สูญเสียไปเมื่ออายุมากขึ้น ช่วยให้ผิวอิ่มฟู ยืดหยุ่น ฟื้นฟูผิวจากโครงสร้างผิวชั้นลึก ทำให้ผิวแข็งแรงจากภายใน คืนความอ่อนเยาว์ให้ผิวอย่างเป็นธรรมชาติ เมื่อผ่านการกระตุ้นคอลลาเจนที่เพียงพอจะให้ผลลัพธ์ยาวนาน 18-24 เดือน
จุดเด่น คือเรื่องยกกระชับ และภายหลังการฉีดต้องมีการนวดเพื่อกระจายตัวยาเป็นเวลา 5 วัน
- Gouri
นวัตกรรมความงามที่ช่วยกระตุ้นคอลลาเจนใต้ผิว คงความอ่อนเยาว์ ด้วยสาร PCL (Polycaprolactone) ที่มาในรูปแบบของเหลว เป็นสารละลาย 100% ไม่มีการตกค้างในร่างกาย สามารถนำมาใช้ฉีดเข้าชั้นผิวได้อย่างปลอดภัย ผ่านการรับรองจาก อย.ไทย มีคุณสมบัติเด่นในการช่วยฟื้นฟู และแก้ไขผิวที่เสื่อมสภาพตามวัยให้มีคุณภาพดีขึ้นอย่างยั่งยืน ทำให้ผิวดูอ่อนเยาว์ขึ้นอีกครั้ง เมื่อผ่านการกระตุ้นคอลลาเจนที่เพียงพอจะให้ผลลัพธ์ยาวนาน 12 เดือน จุดเด่นคือเรื่องความฉ่ำวาว แต่ตัวยาค่อนข้างแสบ อาจทำให้รู้สึกแสบขณะฉีดได้ และจะต้องกินยากดภูมิก่อนทำการรักษา
- Ultracol
นวัตกรรมที่ผลิตมาจากไหม PDO ผ่านกระบวนการ Nano Technology ทำให้เป็นผงละอองไข่มุกและละลายออกมาในรูปแบบน้ำ สามารถฉีดได้ทุกบริเวณใบหน้า ซึ่งเจ็บน้อยกว่าการร้อยไหม ช่วยลดเลือนริ้วรอยที่มาจากความเสื่อมโทรมของใบหน้า ปรับผิวหน้าให้กลับมาตึงกระชับ แก้ปัญหาริ้วรอยร่องลึกต่างๆ คืนอายุให้ผิวแข็งแรง และดูอ่อนเยาว์อีกครั้ง เมื่อผ่านการกระตุ้นคอลลาเจนที่เพียงพอจะให้ผลลัพธ์ยาวนาน 12 เดือน
- RADIESSE
ถือว่าเป็น The One of a Kind Regenerative Biostimulator หรือ สารฉีดกระตุ้นการสร้างเส้นใยผิวใหม่แบบครบถ้วน 5 ประการตัวใหม่ล่าสุด ที่มีสารสำคัญในการออกฤทธิ์คือ CaHA Microsphere มีรูปร่างและขนาดที่เป็นเอกลักษณ์
คือมีลักษณะเป็นทรงกลม ขนาดอนุภาคสม่ำเสมอกันอยู่ในช่วง 25-45 ไมครอน ส่งผลให้ฟื้นฟูการทำงานของ Fibroblast ทำให้มีการกระตุ้นสร้างสารสำคัญทั้ง 5 ตัวที่มีส่วนช่วยให้ผิวสุขภาพดี ดูอ่อนเยาว์ เมื่อผ่านการกระตุ้นคอลลาเจนที่เพียงพอจะให้ผลลัพธ์ยาวนาน 18-24 เดือน จุดเด่นคือการเพิ่มวอลลุ่ม หลังฉีดบวมน้อย ไม่ต้องพักฟื้น
- AestheFill
สารที่มีคุณสมบัติกระตุ้นคอลลาเจนในชั้นผิว PDLLA (Poly D, L-Lactic Acid) เป็นสารบริสุทธิ์ที่ไม่ผ่านการตัดแต่งพันธุกรรมและเป็นไอโซเมอร์มีความเข้ากันได้ดีกับร่างกายมากที่สุดผ่านการรับรอง FDA ประเทศไทย ว่ามีความปลอดภัย สามารถสลายได้เองตามธรรมชาติ ไม่ตกค้างเหลืออยู่ในร่างกาย ผสมผสานกันระหว่าง 2 อนุภาค อย่าง CMC (Carboxymethyl cellulose) ที่ทำมาจากพืช ช่วยอุ้มน้ำพยุงผิวได้ดีกว่า HA ช่วยบำรุงผิวตั้งแต่ภายใน กระตุ้นคอลลาเจนให้แก่ผิว ฟื้นฟูผิวที่หย่อนคล้อยให้กลับมาเรียบเนียน ดูอ่อนวัยขึ้น ปรับสีผิวให้กระจ่างใสเปล่งปลั่ง ให้ผิวดีตั้งแต่ภายในสู้ภายนอกเมื่อผ่านการกระตุ้นคอลลาเจนที่เพียงพอจะให้ผลลัพธ์ยาวนาน 18-24 เดือน จุดเด่นคือเรื่องยกกระชับผิว (Skin firmness) ผิวเด็ก (baby skin) และปรับสีผิว (skin lightening) โดยหลังฉีดไม่จำเป็นต้องมีการนวดต่อเนื่อง สามารถใช้หน้าได้ตามปกติ
- Juvelook
ผลิตภัณฑ์คอลลาเจนบูสเตอร์ (Collagen Booster) ชนิดไฮบริด (Hybrid) ที่ได้รับการผสมผสานกันระหว่าง 2 อนุภาค อย่างกรดไฮยาลูโรนิกแอซิคประเภท Noncrosslinked และสารสำคัญคือ PDLLA (Poly D, L-lactic acid) 50 mg. ช่วยในการกระตุ้นการผลิตคอลลาเจนที่อยู่บริเวณใต้ชั้นผิว ให้ชุ่มชื้น อิ่มฟู ปรับสีผิวให้สว่างกระจ่างใส ทั้งยังให้ริ้วรอยต่างๆ หรือตำหนิของผิวดูจางลง จุดเด่นคือเรื่องหน้าใส ชุ่มชื้น เมื่อผ่านการกระตุ้นคอลลาเจนที่เพียงพอจะให้ผลลัพธ์ยาวนาน 6-12 เดือน
- lenisna
สารประเภท Hybrid biostimulator ประกอบไปด้วย PDLLA 170 มก. และ Noncrosslinked HA ที่มีความเหลวแต่คงตัวได้เป็นอย่างดี จึงทำให้ไม่ก่อให้เกิดการตกค้างหลังจากทำการฉีดไปแล้ว การฉีดลงสู่ใต้ชั้นผิวช่วยฟื้นฟูให้ชั่นโครงสร้าง เพิ่มความหนาแน่น และยกกระชับปรับสีผิวให้หระจ่างใส เปล่งปลั่ง ให้ผิวดีตั้งแต่ภายในสู่ภายนอก จุดเด่นคือเรื่องของการเพิ่มเนื้อ เพิ่มความหนาของผิวเมื่อผ่านการกระตุ้นคอลลาเจนที่เพียงพอจะให้ผลลัพธ์ยาวนาน 18-24 เดือน ก่อนตัดสินใจเลือกต้องศึกษาข้อมูลอย่างละเอียด และได้รับการดูแลโดยแพทย์ที่มีประสบการณ์ เพื่อความปลอดภัย และผลลัพธ์ที่คุ้มค่าที่สุด
Collagen Biostimulator ทำพร้อม Botox / Filler ได้หรือไม่
หากต้องการฉีดโบท็อกซ์ (Botox) หรือฟิลเลอร์ (Fliler) ร่วมกับ Collagen Biostimulatorสามารถทำพร้อมกันได้ เนื่องจากกระบวนการฉีด จะฉีดคนละชั้นผิว แต่ทั้งนี้คุณหมอจะต้องมีการลำดับขั้นตอนการฉีดก่อน-หลัง และออกแบบให้ก่อนทำ เพื่อการแก้ไขปัญหาตรงจุด และได้ผลลัพธ์ที่ดียิ่งขึ้น
New Generation Of Collagen Biostimulator คืออะไร
ไม่พูดถึงคงไม่ได้กับเทรนด์การเสริมความงาม ด้วยนวัตกรรมย้อนวัยที่กำลังมาแรง โดยปัจจุบันเรามีแนวโน้มหันมาให้ความสำคัญกับการดูแลผิว คงความอ่อนเยาว์เป็นธรรมชาติ เพื่อเสริมความมั่นใจ และบุคลิกที่ดีให้กับตัวเองกันมากขึ้น จึงได้เกิดผลิตภัณฑ์สารกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนจากธรรมชาติ AestheFill มีส่วนประกอบหลักคือ PDLLA (Poly-D-L-Lactic Acid) ที่มีคุณสมบัติฟื้นฟูโครงสร้างผิวชั้นลึก ซึ่งเป็น Biostimulator ที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายทั่วโลกมากกว่า 10 ปี เพื่อตอบโจทย์ความต้องการผิวที่อ่อนเยาว์เป็นธรรมชาติโดยเฉพาะ ผลิตภัณฑ์ที่มีมาตรฐานระดับโลกได้รับรองจาก KFDA, EU FDA และ Thai FDA โดยเชื่อมั่นว่า AestheFill จะเป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้รับความนิยมสำหรับวงการเสริมความงามของประเทศไทยอย่างแน่นอน รวมถึงความมั่นใจในความปลอดภัยได้มาตรฐานของ AestheFill
Collagen Biostimulator เหมาะกับใคร
ใครบ้างที่เหมาะกับการใช้ Collagen Biostimulator เพื่อเสริมการสร้างคอลลาเจน ควรมีปัญหาผิวระดับไหน อายุเท่าไหร่ คุณหมอจาก THE NEW CLINIC INTERNATIONAL มีคำตอบ ผู้ที่ปัญหาผิวหน้าไม่ว่าจะเป็น
- ผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อยไม่กระชับ ขาดความยืดหยุ่น
- ผู้ที่ริ้วรอยที่เห็นได้ชัด ริ้วรอยจากอายุที่มากขึ้น
- ผู้ที่ต้องการฟื้นฟูผิวจากโครงสร้างผิวภายใน ผิวที่ขาดการดูแลเป็นเวลานาน
- ผู้ที่ต้องการยกกระชับผิว ต้องการผิวแน่นอิ่มฟู
- ผู้ที่ต้องการผลลัพธ์การฉีดที่ยาวนาน ไม่มีเวลาฉีดบ่อย ๆ เพราะ Collagen Biostimulator คงผลลัพธ์ได้ยาวนานถึง 2 ปี
ทุกปัญหาความงามเหล่านี้ สามารถแก้ไขได้ด้วย การใช้ Collagen Biostimulator จะช่วยคืนความอ่อนเยาว์ได้จริง ที่สำคัญปลอดภัย และดูแลหลังการฉีดได้ง่ายกว่าวิธีอื่นๆ
Collagen Biostimulator ฉีดตรงไหนได้บ้าง แก้ไขปัญหาเรื่องอะไร
ในส่วนนี้จริงๆ แล้ว Collagen Biostimulator สามารถฉีดได้หลายตำแหน่ง แต่ไม่แนะนำให้ฉีดบริเวณ T-zone คุณหมอ THE NEW CLINIC INTERNATIONAL จึงขอสรุปตำแหน่งการฉีด ดังนี้
- หน้าแก้ม : ช่วยทำให้หน้าดูเต่งตึง อ่อนเยาว์ลง ดูเป็นเด็กอีกครั้ง
- กรอบหน้า : ช่วยทำให้กรอบหน้ายกกระชับ คมชัดขึ้น ลดร่องแก้ม ลดร่องน้ำหมาก
- ขมับ : ช่วยแก้ไขปัญหาขมับตอบให้ดูสมส่วน ปรับโหงวเฮ้งใบหน้า
- ใต้ตา : ช่วยแก้ปัญหารอยเหี่ยวย่น รอยยับใต้ตา ลดสีคล้ำใต้ตา และทำให้ใต้ตาเต็มอิ่มฟู
- ร่องแก้ม : ช่วยแก้ปัญหาร่องแก้มที่เป็นมานานจนเกิดเป็นเส้น เติมฟิลเลอร์ชั้นลึกแล้วก็ไม่หาย
- แก้มตอบ : ช่วยเพิ่มวอลลุ่มให้ดูเด็กลง ใบหน้าเต็มอิ่มฟู
- คอ : ช่วยลดเส้นขีดที่คอ ฟื้นฟูผิวที่คอให้เต่งตึง รับกับใบหน้าที่เด็กลง
- หลังมือ : ช่วยลดอาการหลังมือเหี่ยว เห็นเส้นเอ็นชัดทำให้ดูมือแก่
- กระชับรูขุมขน : บางยี่ห้อสามารถฉีดกระตุ้นคอลลาเจน เพื่อให้หน้าใส ฉ่ำวาว กระชับรูขุมขน และหลุมสิวตื้นขึ้นได้
นอกจากผลลัพธ์ที่ได้จะทำให้หน้าดูไม่แข็งและมีความเป็นธรรมชาติสูง ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความเชี่ยวชาญการของแพทย์ผู้ชำนาญการด้านความงาม และสภาพผิวที่แตกต่างกันของแต่ละบุคคลด้วย
Collagen Biostimulator ต้องฉีดบ่อยแค่ไหน อยู่ได้นานหรือไม่
การฉีด Collagen Biostimulato แนะนำให้ฉีดต่อเนื่อง 2-3 ครั้งในช่วงแรกเพื่อปรับสภาพผิว ให้ผิวได้สร้างคอลลาเจนอย่างเต็มที่ จากนั้นจะอยู่ได้นาน 2 ปี แต่ถ้ากรณีฉีดครั้งเดียว โดยไม่ได้ฉีดซ้ำ ผลลัพธ์จะอยู่ได้นานประมาณ 2-4 เดือน เพียงแต่ต้องเว้นระยะห่างอย่างน้อย 1 เดือนทุกครั้งก่อนจะฉีดสาร Collagen Biostimulator เข้าไปใหม่
ใต้ตา ร่องแก้ม เติมฟิลเลอร์แล้วมักเป็นก้อน เปลี่ยนมาใช้ Collagen Biostimulator ดีกว่าไหม
ในหลายกรณีปัญหาใต้ตาและร่องแก้ม มักเกิดจากการเปลี่ยนแปลงตามวัย ทั้งในเรื่องของกระดูกกร่อน ชั้นไขมันที่หายไป และผิวชั้นบนเสื่อมสภาพจนเกิดริ้วรอยลึกถาวร การแก้ไขปัญหาด้วยฟิลเลอร์ หากต้องการให้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติ และไม่เกิดก้อน สามารถนำฟิลเลอร์มาแก้ไขที่ชั้นกระดูก หรือชั้นไขมันเท่านั้น การเติมฟิลเลอร์ในชั้นผิวจะทำให้เกิดก้อนตามมาแน่นอนแต่ในปัจจุบันมีนวัตกรรม Collagen Biostimulator เพียงตัวเดียว คือ PDO Microsphere หรือ Ultracol ที่สามารถแก้ไขปัญหาผิวเสื่อมสภาพบริเวณใต้ตาและร่องแก้ม ได้อย่างปลอดภัย แต่ทั้งนี้ต้องเลือกฉีดกับแพทย์ที่มีประสบการณ์เท่านั้นเพราะฉะนั้น Collagen Biostimulator อาจเป็นตัวเลือกที่ 2 โดยตัวเลือกที่ 1 ต้องพิจารณาจากตัวฟิลเลอร์ ที่มาช่วยเติมเต็มให้ผลลัพธ์นั้นดีและอยู่ได้นานขึ้น ในขณะเดียวกัน บางบริเวณเราอาจจะเลือกใช้ Collagen Biostimulator ในการแก้ปัญหาเพราะ ตอบโจทย์ในเรื่องกระตุ้นคอลลาเจน ฟื้นฟู ยกกระชับผิว ให้กลับมาเปล่งปลั่งสดใส
การดูแลหลังฉีด Collagen Bio-stimulator
สำหรับผู้ที่ทำโปรแกรม Collagen Biostimulator คงจะอยากรู้เรื่องการดูแลตัวเองหลังทำ และข้อแนะนำต่างๆ ซึ่งในส่วนนี้คุณหมอ THE NEW CLINIC INTERNATIONAL ได้ให้คำแนะนำไว้ ดังนี้
- หลังจากทำโปรแกรม Collagen Biostimulator สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ ไม่ต้องมีการพักฟื้น โดยสามารถใช้เจลเย็นประคบเพื่อช่วยลดอาการบวมได้
- หลีกเลี่ยงการแต่งหน้า การอบซาวน่า หรืออบไอน้ำเป็นเวลา 24 ชั่วโมง รวมถึงหลีกเลี่ยงการเผชิญแสงแดด จนกว่าอาการบวมแดงจะหายไป
- หลีกเลี่ยงการทำหัตถการอื่นๆ บริเวณใบหน้า ควรเว้นระยะห่างประมาณ 2-4 สัปดาห์
- หากสารนั้นเป็นกลุ่ม PLLA แนะนำให้นวดตามหลักการแบบ Triple-5 คือ การนวดครั้งละ 5 นาที 5 ครั้งต่อวัน เป็นระยะเวลา 5 วันติดต่อกัน เพื่อให้อนุภาคของสารกระจายตัวทั่วบริเวณ และช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในบริเวณที่ต้องการซึ่งจะทำให้ได้ผลลัพธ์ที่ดียิ่งขึ้น
สรุป
บทความนี้ได้พาทุกคนมารู้จัก Collagen Biostimulator มากยิ่งขึ้น สำหรับคนที่รักในการดูแลตัวเอง และดูแลผิวพรรณให้สวยงามอยู่เสมอ การเลือกทำหัตถการอย่างโปรแกรม Collagen Biostimulator จึงนับเป็นอีกหนึ่งวิธีในการช่วยฟื้นฟู พร้อมดูแลผิวจากกระบวนการธรรมชาติ มีความปลอดภัย ให้ผลลัพธ์ที่ดีในระยะยาว อย่างไรก็ตามการเลือกทำหัตถการใดๆ ก็ควรศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ และความเชี่ยวชาญของแพทย์ให้ถี่ถ้วนเสียก่อน หากใครกำลังสนใจโปรแกรม Collagen Biostimulator สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติม หรือสอบถามได้ที่ THE NEW CLINIC INTERNATIONAL