ใต้ตาคล้ำลึกเกินจะรับไหว ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา
หลังทำเห็นผลทันทีหรือไม่
เลือกอ่านตามหัวข้อ
ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาปัญหาใต้ตาลึก และถุงใต้ตา มีกี่แบบ แก้ไขได้อย่างไรปัญหาสีคล้ำใต้ตาเกิดจากอะไรฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาช่วยแก้ปัญหาได้จริงหรือไม่ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาช่วยอะไรได้บ้างยี่ห้อฟิลเลอร์ใต้ตาที่ THE NEW CLINIC INTERNATIONAL แนะนำฟิลเลอร์ใต้ตา กี่วันเห็นผล ฟิลเลอร์อยู่ได้นานแค่ไหนฟิลเลอร์ใต้ตาอันตรายหรือไม่ฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นก้อนเกิดจากอะไร และมีวิธีแก้ไขปัญหาอย่างไรวิธีการดูแลหลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาทำไมต้องฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาที่ The New clinicสรุป
ใต้ตาคล้ำลึกเกินจะรับไหว ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา
หลังทำเห็นผลทันทีหรือไม่
มาไขข้อสงสัยกันว่า ฟิลเลอร์ใต้ตาหลังทำแล้วเห็นผลทันทีจริงหรือไม่ หากใครที่กำลังสนใจฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา บทความนี้คุณหมอจาก THE NEW CLINIC INTERNATIONAL มีคำตอบ พร้อมแนะนำวิธีการดูแลหลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา รวมทั้งให้ข้อมูลความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นหลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจฉีดฟิลเลอร์
ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา
ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา คือ การฉีดสาร Hyaluronic Acid หรือ HA เข้าไปในบริเวณใต้ตาที่มีปัญหา ผิวหนังบริเวณใต้ตา เพื่อให้ผิวหนังใต้ตาเต็มขึ้น สามารถแก้ปัญหาใต้ตาได้หลากหลาย เช่น ร่องใต้ตาลึก รอยเหี่ยวย่นใต้ตา และสีใต้ตาคล้ำ บทความนี้จะพาทุกคนมาเจาะลึกถึงต้นตอสาเหตุปัญหาใต้ตาที่กวนใจใครหลายๆ คน
ปัญหาใต้ตาลึก และถุงใต้ตา มีกี่แบบ แก้ไขได้อย่างไร
ปัญหาใต้ตาลึก และถุงใต้ตา แม้ว่าปัญหานี้จะไม่ก่อให้เกิดผลอันตรายร้ายแรง แต่ในเรื่องของความสวยงามและความมั่นใจแล้ว เป็นอีกหนึ่งปัญหาที่บั่นทอนสุขภาพจิตอย่างมาก บทความนี้จะพาทุกคนมาทำความเข้าใจกันว่าปัญหาใต้ตาลึก และถุงใต้ตา มีกี่แบบ และจะมีวิธีแก้ไขอย่างไร
ระยะของใต้ตาลึกมีทั้งหมด 3 แบบ
- Type 1 – ระดับแรกตาโหลแค่เฉพาะบริเวณหัวตา เบ้าตาลึก เป็นร่องชัดเจน โดยจะมีลักษณะมองเห็นกระดูกบริเวณเบ้าตา ใต้คิ้ว เป็นร่องเป็นขอบชัดเจน จากภาวะกระดูกเบ้าตากร่อน ไขมันเปลือกตาบนหายไป
- Type 2 – ระดับสองเบ้าตาลึกจนเกิดตาสามชั้น เบ้าตาลึกจนเกิดตาสามชั้น สังเกตได้จากชั้นตาด้านบน พับกันจนกลายเป็นตาสามชั้น โดยมีความลึกเข้าไปในเบ้าตา หรือลึกลงไปทั้งชั้นพับตา ทำให้ดวงตาไม่เท่ากัน
- Type 3 –ระดับสามเบ้าตาลึกรอบดวงตาตาโหล เห็นเป็นร่องชัดเจน สามารถมองเห็นกระดูกบริเวณเบ้าตา ใต้คิ้ว เป็นขอบชัดเจน เนื่องจากภาวะกระดูกเบ้าตากร่อน ไขมันเปลือกตาบนน้อยลง และใต้ตาดูดำยิ่งขึ้น ทำให้ดวงตาจะดูเศร้า เหนื่อย อยู่ตลอดเวลา ดูแก่ ดูโทรม ไม่สดใส
วิธีการแก้ไขปัญหาใต้ตาลึก
- ฉีดฟิลเลอร์
ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา แก้ตาลึก เป็นการเติมสารเติมเต็ม Hyaluronic Acid หรือ HA เข้าบริเวณใต้ตาที่มีปัญหาตาลึก ตาโหล ร่องน้ำตาที่ลึกมีริ้วรอยหมองคล้ำ หรือใต้ตาที่กระดูกใต้ตายุบตัวลง การฉีดฟิลเลอร์เข้าไปแทนที่เพื่อให้ใต้ตานั้นดูตื้นขึ้น และรอยคล้ำก็ดูจางลงด้วย ทำให้ใบหน้ากลับมาสดใส อ่อนเยาว์อีกครั้ง
2. การฉีดไขมัน
การฉีดไขมันใต้ตาจึงช่วยเติมไขมันที่ขาดไป โดยแพทย์จะทำการดูดไขมันส่วนเกินจากจุดอื่นออกมา เช่น หน้าท้อง ต้นขา หรือต้นแขน เป็นต้น หลังจากนั้นจะนำไปปั่นแยกสกัดเอาสเต็มเซลล์ออกมาใช้ ผสมกับเนื้อเยื่อไขมัน แล้วนำไปฉีดเติมเบ้าตาในส่วนที่ลึกลงไป
ระยะของถุงใต้ตามีทั้งหมด 3 แบบ
- Type 1 – เป็นระยะแรกของถุงใต้ตา (Mild stage) ระยะนี้มีการสะสมของถุงใต้ตาในระดับน้อย โดยจะเห็นลักษณะของถุงเกิดขึ้นแต่ยังไม่ชัดเจนมาก
- Type 2 – ในระยะที่สอง (Moderate stage) ระยะนี้สามารถสังเกตเห็นถุงใต้ตาชัดเจน แต่เห็นเป็นครึ่งนึงของถุงใต้ตา โดยลักษณะของไขมันใต้ตาที่หย่อนตัวลง
- Type 3 – ในระยะที่สาม (Severe stage) ระยะนี้สามารถสังเกตถุงใต้ตาชัดเจนมาก มีปริมาณของไขมันใต้ตาจำนวนเยอะ ที่หย่อนออกมาทั่วทั้งบริเวณรอบของใต้ตา
วิธีการแก้ไขปัญหาถุงใต้ตา
1. การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา
การใช้สาร Hyaluronic Acid หรือ HA ฉีดเข้าไปในบริเวณใต้ตาที่มีปัญหา เติมเต็มเข้าสู่ใต้ผิวหนังบริเวณใต้ตาที่หายไปบริเวณช่วงหน้าแก้ม แนวกระดูกเบ้าตาที่ทรุดตัวลง รวมไปถึงซัพพอร์ตแนวเส้นเอ็นบริเวณรอบดวงตาที่หย่อนคล้อยให้เกิดความกระชับขึ้น
2. การผ่าตัดถุงใต้ตา
การผ่าตัดถุงใต้ตาจะเหมาะกับระยะที่สอง และสาม เป็นการผ่าตัดจัดเรียงไขมันที่อยู่รอบบริเวณใต้ตา ให้อยู่ในตำแหน่งที่ถูกต้อง ในกรณีที่มีไขมันบริเวณใต้ตาค่อนข้างเยอะ ก็จะตัดไขมันในส่วนของใต้ตาออกไปหรือดูดไขมันบริเวณใต้ตาทิ้งไป ให้ถุงใต้ตายุบตัวลง และดูเรียนเนียนขึ้น
ปัญหาสีคล้ำใต้ตาเกิดจากอะไร
สีคล้ำใต้ตา หรือที่เรียกกันว่าขอบตาแพนด้า เป็นปัญหาที่พบได้บ่อย คนที่มีใต้ตาดำคล้ำ จะทำให้ดวงตาดูโทรม ไม่สดใสและดูมีอายุ มักจะสร้างความกังวลใจ เพราะทำให้หมดความมั่นใจ ต้องอาศัยการแต่งหน้า เน้นการใช้เครื่องสำอางเพื่อปกปิดตลอดเวลา ส่วนสาเหตุที่ส่งผลให้เกิดสีคล้ำใต้ตา มีดังนี้
- พันธุกรรม
ใต้ตาดำคล้ำเกิดจากการถ่ายทอดทางพันธุกรรมพ่อแม่ หรือญาติพี่น้องที่มีขอบตาคล้ำ จึงทำให้ผิวหนังที่อยู่รอบดวงตามีความหมองคล้ำมากกว่าคนปกติทั่วไป
- อายุเพิ่มขึ้น
ใต้ตาดำคล้ำเกิดจากอายุที่เพิ่มมากขึ้น ร่างกายจะผลิตคอลลาเจนและไขมันลดลง ทำให้ผิวขาดความยืดหยุ่น ผิวหย่อนคล้อย และผิวบางลงจนเห็นเส้นเลือดบริเวณใต้ตาชัดขึ้น ส่งผลให้เกิดรอยคล้ำบริเวณขอบตาและถุงใต้ตา
- โรคภูมิแพ้
ใต้ตาดำคล้ำเกิดจากโรคภูมิแพ้ เส้นเลือดดำรอบดวงตาจะขยายใหญ่กว่าปกติ โรคภูมิแพ้ทำให้เกิดอาการคัน ระคายเคืองตา การขยี้ตาบ่อยๆ จะกระตุ้นให้เซลล์เม็ดสีในผิวให้สร้างเม็ดสีมากขึ้น ทำให้ผิวบริเวณใต้ตาคล้ำขึ้น
- แสงแดด
ใต้ตาดำคล้ำเกิดจากแสงแดด ผิวบริเวณใต้ตามีความบอบบางมาก หากการรับรังสี UV จากแสงแดด จะกระตุ้นการสร้างเม็ดสีผิวมากขึ้น ทำให้มองเห็นเส้นเลือดตาดำได้ชัดเจน
- พักผ่อนไม่เพียงพอ ความเครียด
ใต้ตาดำคล้ำเกิดจากพักผ่อนไม่เพียงพอ รวมถึงความเครียดที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวัน ร่างก่ายเสียสมดุล ระบบไหลเวียนโลหิตทำงานได้ไม่ดี และร่างกายกระตุ้นต่อมใต้สมองให้ผลิตฮอร์โมนที่สร้างเม็ดสีเมลานินมากขึ้น ทำให้ใต้ตาเกิดรอยหมองคล้ำ
- การใช้สายตามากเกินไป
ใต้ตาดำคล้ำเกิดจากการใช้สายตามากเกินไป การใช้สายตาจดจ่ออยู่กับอะไรนานๆ เช่น การจ้องโทรศัพท์มือถือ หรือคอมพิวเตอร์ตลอดเวลา ทำให้เกิดอาการตาล้า เส้นเลือดใต้ตาจะขยายตัวจนเกิดเป็นรอยดำคล้ำบริเวณรอบดวงตา
- ใต้ตาลึก
ใต้ตาดำคล้ำเกิดจากปัญหาใต้ตาลึก เมื่ออายุเพิ่มมากขึ้น ร่างกายจะเกิดภาวะไขมันพร่องหรือไขมันฝ่อตัว ร่วมกับการยุบของมวลกระดูล ทำให้เกิดเป็นร่องลึกใต้ตา เห็นขอบเบ้าตาชัดเจน เกิดเงาสีคล้ำใต้ตาได้ หากเติมฟิลเลอร์จะช่วยให้เปลี่ยนมุมตกกระทบ เงาสีคล้ำใต้ตาจะดีขึ้นชัดเจน
ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาช่วยแก้ปัญหาได้จริงหรือไม่
คำถามยอดฮิตของคนที่กำลังตัดสินใจฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ฉีดแล้วช่วยแก้ปัญหาได้จริงหรือไม่ การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นหัตถการที่แก้ปัญหาใต้ตาอย่างตรงจุด เพื่อแก้ปัญหาใต้ตาดำ ใต้ตาคล้ำ มีถุงใต้ตา มีริ้วรอยรอบดวงตาทำให้หน้าดูโทรม ไม่สดใส ดูมีอายุ หลังทำจะเริ่มเห็นผลทันที ไม่ต้องผ่าตัด ไม่เป็นแผล และไม่ใช้เวลาในการพักฟื้น
ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาช่วยอะไรได้บ้าง
ทุกคนรู้ไหมว่าเมื่ออายุ 25 ปีขึ้นไป การสร้างคอลลาเจนจะลดลง ร่างกายจะสูญเสียคอลลาเจน ไปถึง 1.5% ต่อปี รวมถึงกระดูกส่วนของ Zygoma และ Maxilla จะเริ่มยุบตัวลง ดังนั้นการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา จึงไม่ได้เหมาะกับคนวัยสูงอายุเท่านั้น แต่เหมาะสำหรับทุกวัยที่ต้องการลดปัญหาใต้ตา ดังนี้
- ลดปัญหาการเกิดริ้วรอย บริเวณรอบๆ ดวงตา
- ลดปัญหาขอบตาดำ สีใต้ตาคล้ำ
- ลดปัญหาร่องตาลึก ร่องน้ำตา ตาโหล
- ลดปัญหาถุงใต้ตาที่มีขนาดใหญ่ จากกรรมพันธุ์
นี่จึงเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ใครหลายคนฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา นอกจากจะทำให้ตาสดใสขึ้น ดูเหมือนคนพักผ่อนเพียงพอ ยังช่วยคืนใบหน้าให้อ่อนเยาว์อีกด้วย
ยี่ห้อฟิลเลอร์ใต้ตาที่THE NEW CLINIC INTERNATIONAL แนะนำ
หากใครที่คิดมาก ตัดสินใจไม่ได้ว่าจะฉีดฟิลเลอร์ใต้ตายี่ห้ออะไรดี บทความนี้คุณหมอจาก THE NEW CLINIC INTERNATIONAL คิดมาให้แล้ว รวมยี่ห้อฟิลเลอร์ฉีดใต้ตาโดยเฉพาะ รับรองว่าดี ได้รับมาตรฐาน และปลอดภัย ดูแลโดยแพทย์ทุกขั้นตอน
- ฟิลเลอร์ Restylane
ฟิลเลอร์ Restylane แตกต่างจากฟิลเลอร์ยี่ห้ออื่น เพราะมีเทคโนโลยีการผลิตที่มีลิขสิทธิ์โดยเฉพาะ คือ NASHA Technology และ OBT Technology ทำให้เนื้อฟิลเลอร์มีค่าความยืดหยุ่นสูง ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว ยกกระชับใบหน้าได้ดี และสามารถปรับรูปทรงได้หลากหลาย - ฟิลเลอร์ Juvederm
ฟิลเลอร์ Juvederm มีกระบวนการผลิตโดยใช้เทคโนโลยีเฉพาะ 2 เทคโนโลยีคือ Hylacross และ Vycross ที่ทำให้เนื้อฟิลเลอร์มีความคงตัว ยืดหยุ่นสูง มีโมเลกุลยึดเกาะเหนียวแน่นขึ้น ช่วยยกกระชับได้ดีและมีความเป็นธรรมชาติมาก และมีส่วนผสมของ Lidocaine หรือยาชา ทำให้ฉีดแล้วไม่รู้สึกเจ็บ - ฟิลเลอร์ Belotero
ฟิลเลอร์ Belotero มีกระบวนการผลิตโดยใช้เทคโนโลยี Cohesive Polydensified Matrix หรือ CPM Technology ทำให้เนื้อฟิลเลอร์มีความยืดหยุ่นสูง สามารถยึดเกาะผิวได้ดี มีความทรงตัว และปั้นรูปทรงสวย - ฟิลเลอร์ e.p.t.q
ฟิลเลอร์ e.p.t.q มีกระบวการผลิตโดยใช้เทคโนโลยี ZEEP Technology และ 2CM Technology ทำให้เนื้อฟิลเลอร์มีความยืดหยุ่น เนียนละเอียด ให้ผลลัพธ์ที่สวยงามและดูเป็นธรรมชาติ
ฟิลเลอร์ใต้ตา กี่วันเห็นผล
ฟิลเลอร์ใต้ตาฉีดแล้วจะเห็นผลภายในกี่วัน ฉีดแล้วเห็นผลเลยไหม ต้องรอนานเท่าไหร่ถึงจะเห็นผล ต้องขอบอกแบบนี้ว่า โดยปกติแล้วการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาจะเริ่มเห็นผลลัพธ์ทันที ประมาณ 70-80% ช่วงแรกจะมีอาการบวมแดง แต่หลังจากนั้นจะดีขึ้น และเริ่มเห็นผลลัพธ์ชัดเจนภายใน 2-4 สัปดาห์ ซึ่งแต่ละคนก็จะเห็นผลลัพธ์ช้าเร็วต่างกันไป ขึ้นอยู่กับสภาพผิว และการดูแลหลังฉีดฟิลเลอร์นั้นเอง
ฟิลเลอร์อยู่ได้นานแค่ไหน
ต้องทำความเข้าใจก่อนว่า ฟิลเลอร์ไม่สามารถอยู่ได้ถาวร ทั้งนี้ขึ้นก็อยู่กับชนิด หรือยี่ห้อของฟิลเลอร์แต่ละตัวที่เลือกฉีด คุณหมอจาก THE NEW CLINIC INTERNATIONAL ได้สรุประยะเวลาแต่ละยี่ห้อของฟิลเลอร์ ดังนี้
ฟิลเลอร์ Restylane
- Restylane Perlane Lyft อยู่ได้นาน 12 เดือน
- Restylane Defyne อยู่ได้นาน 18 เดือน
- Restylane Vital Light อยู่ได้นาน 6-12 เดือน
- Restylane Classic อยู่ได้นาน 12 เดือน
ฟิลเลอร์ Juvederm
- Juvederm Volite อยู่ได้นาน 8-12 เดือน
- Juvederm Voluma อยู่ได้นาน 18 เดือน
- Juvederm Volux อยู่ได้นาน 18-24 เดือน
- Juvederm Vobella อยู่ได้นาน 8-12 เดือน
ฟิลเลอร์ Belotero
- Belotero volume อยู่ได้นาน 18 เดือน
- Belotero soft อยู่ได้นาน 6-12 เดือน
- Belotero revive อยู่ได้นาน 6-9 เดือน
- Belotero intense อยู่ได้นาน 12-18 เดือน
ฟิลเลอร์ e.p.t.q
- e.p.t.q. S100 อยู่ได้นาน 6-9 เดือน
- e.p.t.q. S300 อยู่ได้นาน 9-12 เดือน
- e.p.t.q. S500 อยู่ได้นาน 12-15 เดือน
ฟิลเลอร์ใต้ตาอันตรายหรือไม่
หลังจากที่ดูข่าวในโซเชียลมีเดีย หรือสื่อต่างๆ คงเป็นคำถามที่ใครหลายคนกังวลใจอยู่ไม่น้อยว่า “การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาอันตรายหรือไม่” คุณหมอจาก THE NEW CLINIC INTERNATIONAL มาตอบคำถามนี้แล้ว การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาจำเป็นต้องฉีดโดยแพทย์ผู้มีประสบการณ์ ชำนาญด้านเทคนิค และรู้ตำแหน่งการฉีดที่ถูกต้อง ที่สำคัญอย่างมากต้องเป็นฟิลเลอร์แท้ เพราะจะสลายออกเองได้ตามธรรมชาติ ไม่มีสารตกค้าง และไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย ดังนั้นถ้าปฏิบัติตามนี้ก็จะไม่เป็นอันตรายแน่นอน
ฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นก้อนเกิดจากอะไร และมีวิธีแก้ไขปัญหาอย่างไร
ปัญหา “ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาแล้วเป็นก้อน” เกิดจากหลายสาเหตุด้วยกัน เช่น ตัวฟิลเลอร์ ยี่ห้อฟิลเลอร์ ปริมาณฟิลเลอร์ที่ใช้ เทคนิคการฉีด และลักษณะกล้ามเนื้อกล้ามในบริเวณที่ฉีด คุณหมอจาก THE NEW CLINIC INTERNATIONAL ได้รวบรวมสาเหตุที่ทำให้ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาแล้วเป็นก้อนได้ดังนี้
- เลือกใช้ชนิดฟิลเลอร์ที่ไม่ตรงกับตำแหน่งที่ฉีด
การฉีดฟิลเลอร์ที่มีความแข็งและเหนียว บริเวณผิวชั้นตื้นอย่างตำแหน่งใต้ตา จะทำให้ฟิลเลอร์นูนขึ้นเหนือชั้นกล้ามเนื้อ มองเห็นเป็นก้อน หรือเห็นเป็นถุงใต้ตาได้
- แพทย์ที่ฉีดให้ไม่มีความรู้และประสบการณ์ทางด้านการฉีดฟิลเลอร์
แพทย์ต้องมีความรู้เกี่ยวกับฟิลเลอร์แต่ละชนิดที่นำมาฉีด รวมถึงโครงสร้างสรีรวิทยาของร่างกายมนุษย์ แพทย์ที่ขาดความรู้และประสบการณ์จะทำให้มีความเสี่ยงในการฉีดฟิลเลอร์แล้วเป็นก้อนได้
- ใช้ฟิลเลอร์ที่ไม่ได้มาตรฐาน
ใช้ฟิลเลอร์ที่ไม่ผ่านการรับรองจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เป็นฟิลเลอร์ปลอมที่ไม่สามารถสลายได้เองตามธรรมชาติ ราคาถูก ไม่มีคุณภาพ เมื่อเวลาผ่านไปจะจับตัวกันเป็นก้อน ไหลย้อยและไม่เป็นทรง
การแก้ไขปัญหาฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาแล้วเป็นก้อน มีวิธีการแก้ปัญหาดังนี้ และควรอยู่ในความดูแลของแพทย์เท่านั้น เพื่อหาวิธีที่หมาะสมที่สุดในการแก้ปัญหา
- ฉีดสลายฟิลเลอร์
ถ้าฉีดด้วยฟิลเลอร์แท้ Hyaluronic Acid หรือ HA สามารถใช้ฉีดตัวยาไฮยาลูโรนิเดส Hyaluronidase หรือ HYAL เพื่อสลายฟิลเลอร์ โดยจะคำนวณปริมาณตัวยาที่จะใช้เพื่อฉีดสลายบริเวณที่เป็นก้อน หลังฉีดสลายเห็นผลได้ทันทีและจะเริ่มยุบลงบางส่วน จะเห็นผลต่อเนื่องไปเรื่อยๆ ใช้เวลา 1-3 วัน
- การขูดฟิลเลอร์
การขูดฟิลเลอร์ใต้ตาออก จะเหมาะกับคนที่ฉีดฟิลเลอร์ประเภทกึ่งถาวร ไม่สามารถสลายเองได้ ต้องทำการเจาะเพื่อขูดฟิลเลอร์ออก
- การผ่าตัดเพื่อเอาฟิลเลอร์ออก
ถ้าฉีดฟิลเลอร์ประเภทซิลิโคนเหลวมาระยะเวลานาน เห็นเป็นก้อนขนาดใหญ่ จับแล้วแข็ง เนื่องจากฟิลเลอร์พวกนี้มักเกาะกับเนื้อเยื่อ มีพังผืด ขูดออกค่อนข้างยาก ตำแหน่งบริเวณใต้ตามีเส้นประสาท และเส้นเลือดสำคัญต่างๆ ต้องปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อทำการผ่าตัดแก้ไขเท่านั้น
ทำไมต้องฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาที่ THE NEW CLINIC INTERNATIONAL
ที่ THE NEW CLINIC INTERNATIONAL (เดอะนิว คลินิก อินเตอร์เนชั่นแนล) ใช้ฟิลเลอร์แท้ ผ่านการรับรองจาก อย. ไทย และอย. ต่างประเทศทุกตัว ได้มาตรฐานและความปลอดภัย ทุกกล่องสามารถตรวจสอบได้ ดูแลโดยแพทย์มากประสบการณ์ทุกเคสอย่างใกล้ชิดทุกขั้นตอน
- ตัวยาทุกชิ้นของแท้ นำเข้าถูกต้อง ผ่านการรับรองจาก อย. ไทย และ อย. ต่างประเทศ ตรวจสอบได้
- ให้บริการด้วยมาตรฐานความสะอาดและปลอดภัย
- มีเจ้าหน้าที่ดูแลอย่างใกล้ชิดทุกขั้นตอน
- ให้คำแนะนำก่อนและหลังทำทุกเคส เป็นกันเอง อุ่นใจ สบายใจ
วิธีการดูแลหลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา
หลังจากฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาจะมีอาการบวมแดง เขียวซ้ำ เนื่องจากเข็ม และตัวฟิลเลอร์ยังไม่เข้าที่ แต่ภายใน 2 สัปดาห์ อาการบวมจะลดลง ฟิลเลอร์เริ่มเข้าที่สวยงาม ส่วนวิธีการดูแลหลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา มีอะไรบ้าง?
- ดื่มน้ำสะอาด 1.5-2 ลิตร ให้เพียงพอต่อร่างกาย
- หลีกเลี่ยงการกด บีบ นวด บริเวณที่ฉีด
- หลีกเลี่ยงความร้อนทุกชนิดอย่างน้อย 48 ชั่วโมง
- ควรอยู่ในที่เย็นตลอดเวลา ไม่ควรทำกิจกรรมกลางแจ้ง
- งดทาครีมบริเวณที่ฉีดอย่างน้อย 24 ชั่วโมง
- งดเลเซอร์ร้อนลงชั้นผิวอย่างน้อย 1 เดือน
- งดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่
- ทานยาแก้ปวดลดบวม ตามที่แพทย์จ่าย
สรุป
ปัญหาใต้ตา เกิดขึ้นได้หลายสาเหตุด้วยกัน ทั้งอายุมากขึ้น พันธุกรรม โรคภูมิแพ้ และพฤติกรรมของคนในยุคปัจจุบัน เช่น การทำงานหนักเกินไป นอนน้อย พักผ่อนไม่เพียงพอ ดื่มเหล้า สูบบุหรี่ รับประทานอาหารที่ไม่มีประโยชน์ ปัญหาเหล่านี้สามารถเกิดขึ้นได้ทั้งคนที่อายุน้อยไปจนถึงคนที่มีอายุมาก การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตานั้น เป็นการเติมเต็มสาร Hyaluronic Acid หรือ HA เข้าไปในชั้นไขมันบริเวณใต้ตาที่หายไป ทำให้ผิวใต้ตาชุ่มชื่น ริ้วรอยดูเรียบเนียน ใต้ตากลับมาดูสดใส และอ่อนเยาว์ลงอีกครั้ง ใช้เวลาในการทำน้อย ไม่เจ็บ ไม่มีแผล และไม่ต้องพักฟื้น
ดังนั้นก่อนตัดสินใจฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาควรศึกษาข้อมูลอย่างละเอียด ต้องฉีดโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ มากประสบการณ์ ภายใต้คลินิกที่ได้มาตรฐาน รวมไปถึงการเลือกยี่ห้อฟิลเลอร์ และปริมาณที่เหมาะสมฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ลดปัญหาตาคล้ำ กลับมาดูสดใส ที่ THE NEW INTERNATIONAL CLINIC ปลอดภัย ตัวยาของแท้ตรวจสอบได้ ประเมินปัญหาก่อนทำการรักษาทุกเคสโดยแพทย์มากประสบการณ์ คุณหมอประจำคลินิกและผู้บริหารคลินิก มั่นใจได้ในทุกขั้นตอน